บึงโขงหลง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินิเวศ และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่
มีเนื้อที่ประมาณ 8,064 ไร่ เมื่อปี พ.ศ 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง
ดำเนินแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2523 และได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง
เมื่อปี พ.ศ. 2525 บึงโขงหลงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติอันดับที่
1,098 ของโลก (Wetland of International Importance)
ในปี
พ.ศ. 2544
มีพื้นที่กว่า 22 ตารางกิโลเมตร ยาว 13
กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร
เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ และพืชน้ำนานาชาติ เช่น นกน้ำกว่า 100 ชนิดที่หาดูได้ยาก มีปลาชนิดที่หาดูได้ยาก คือ ปลาบู่แคระ
วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 16.30
2. วัดสว่างอารมณ์
วัดสว่างอารมณ์ (อ. ปากคาด) ภายในวัดมีโบสถ์อยู่บนก้อนหินใหญ่ ลืบถ้ำด้านล่างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ปางปรินิพพาน
บริเวณด้านบนก้อนหินเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์สวยงามของแม่น้ำโขง
การเดินทาง จากตัวเมืองใช้ ทางหลวงหมายเลข 212 ถึง อำเภอปากคาด มีทางแยกขวาเข้าวัไปอีก 500
เมตร วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 16.30
3.ภูทอก
ภูทอก (อ.ศรีวิไล ) ภูเขาหินทราย ที่มีวัดเจติยาคีรีวิหาร ตั้งอยู่เชิงเขา
และมีสะพานไม้สร้างวนเวียนขึ้นไปสู่ยอดเขารวม 7 ชั้น
เพื่อเป็นทางเดินขึ้นไปยังกุฏิและถ้ำที่อยู่ตามหลืบผา
และมองเห็นความสวยงามของภูมิประเทศเบื้องล่างได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ถ้าในวันที่อากาศแจ่มใสอาจมองได้ไกลถึงเทือกเขาในเขตจังหวัดนครพนม
ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง
เป็นภูเขาหินทรายโดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย
แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร
เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ
ภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก
โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้เวียนวนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด
สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากเหล่าพระ เณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.
2512 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี
บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะสู่โลกแห่งโลกุตระหรือโลกแห่งการหลุดพ้นด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น
ภูทอกยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน
ดังนั้นผู้ที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ควรอยู่ในความสงบและเคารพสถานที่
บันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้
ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ชั้นที่
3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม
มีโขดหิน ลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง
ทางซ้ายมือเป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย
ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านหลืบหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์
ทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4
ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา
มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู”
ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา เขตอำเภอเซกา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดงดิบ
บนชั้นที่ 4 นี้ จะเป็นที่พักของแม่ชี
รอบชั้นมีระยะทางประมาณ 400 เมตร
มีที่พักผ่อนระหว่างทางเป็นระยะ ๆ
ชั้นที่ 5 มีศาลาและกุฏิที่อาศัยของพระ
ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ ตลอดเส้นทางสู่ชั้นที่ 6 มีที่พักเป็นลานกว้างหลายแห่ง
มีหน้าผาชื่อต่าง ๆ กัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต เป็นต้น
ถ้ามาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พระวิหาร
อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย
มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน ผู้คนส่วนใหญ่มักหยุดการเดินทางเพียงแค่นี้
เพราะจากชั้นที่ 6 สู่ชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขายาว
400 เมตร เกาะติดอยู่ริมหน้าผาสูงชันดูน่าหวาดเสียวอันตราย
มีความยาว 400 เมตร สุดทางที่ชั้น 7 เป็นป่าไม้ร่มครึ้ม
การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายประมาณ 185 กิโลเมตร จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จากอำเภอศรีวิไลมีทางแยกซ้ายผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอกเป็นระยะทางอีก 30 กิโลเมตร
วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 08.30 – 16.30
4. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีเนื้อที่ประมาณ
186 ตารางกิโลเมตร หรือ 116,562 ไร่
ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง
เกือบติดพรมแดนประเทศลาว สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น
บางส่วนเป็นสันเขาหินทราย ลานหินและทุ่งหญ้าค่ะ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บ้านดอนจิก เลยอำเภอบุ่งคล้า 3 กิโลเมตรและเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ
6 กิโลเมตร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีเนื้อที่ประมาณ 186
ตารางกิโลเมตร หรือ 116,562 ไร่
ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง
เกือบติดพรมแดนประเทศลาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 150-300 เมตร สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น
บางส่วนเป็นสันเขาหินทราย ลานหินและทุ่งหญ้าสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่
1.น้ำตกถ้ำฝุ่น
2.น้ำตกเจ็ดสี
5.หนองกุดทิง
หนองกุดทิง จ.บึงกาฬ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่เกือบ 20,000 ไร่ มีความหลากหลายทางชีวภาพประกอบด้วยสัตว์น้ำกว่า 250 สายพันธุ์ หนองกุดทิงมาให้ดูกันค่ะ
หนองกุดทิง ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 5 กิโลเมตร
เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่เกือบ 20,000 ไร่
มีความหลากหลายทางชีวภาพประกอบด้วยสัตว์น้ำกว่า 250 สายพันธุ์
และเป็นที่อาศัยของนกอพยพและนกประจำถิ่นหลายชนิด
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลก
หรือ แรมซาร์ไซท์ เป็นอันดับที่
11 ของประเทศไทย
6. วัดอาฮงศิลาวาส
วัดอาฮงศิลาวาส
จ.บึงกาฬ บริเวณวัดกว้างขวางและสวยงาม ประดิษฐาน“พระพุทธคุวานันท์ศาสดา”
หล่อด้วยทองเหลือง ลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช
สถานที่แห่งนี้ซึ่งมีเรื่องเล่าขานเป็นตำนานเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนา และบั้งไฟพญานาค
วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ที่ บ้านอาฮง ตำบลไคสี อำเภอบึงกาฬ ริมแม่น้ำโขงติดกับแก่งอาฮง ห่างจากตัวอำเภอบึงกาฬ 21
กิโลเมตร บริเวณวัดกว้างขวางและสวยงาม ประดิษฐาน“พระพุทธคุวานันท์ศาสดา” หล่อด้วยทองเหลือง
7.ศาลเจ้าแม่สองนาง
ศาลเจ้าแม่สองนาง จ.บึงกาฬ เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองบึงกาฬ
เป็นที่เคารพกราบไหว้บูชาของประชาชนและคนทั่วไป
ศาลเจ้าแม่สองนาง ตั้งอยู่ที่ถนนศาลเจ้าแม่สองนาง
ตำบลบึงกาฬ เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองบึงกาฬ เป็นที่เคารพกราบไหว้บูชาของประชาชนและคนทั่วไป
8.ตลาดลาว
ตลาดลาว จ.บึงกาฬ เป็นตลาดนัดของบึงกาฬมีเฉพาะวันอังคารและวันศุกร์
ตลาดลาวที่เรียกว่าตลาดลาวเนื่องจากมีแม่ค้าจากฝั่งลาวนำของมาขายจำนวนมาก
ทั้งพืชผัก อาหารแห้ง อาหารสดต่าง ๆ
9.แก่งอาฮง
แก่งอาฮง
จ.บึงกาฬ เป็นแก่งหินกลางลำน้ำโขง บริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส บ้านอาฮง ตำบลหอคำ
ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้ กระแสน้ำบริเวณแก่งอาฮงจะไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น
“สะดือแม่น้ำโขง”
แก่งอาฮง เป็นแก่งหินกลางลำน้ำโขง บริเวณหน้า วัดอาฮงศิลาวาส บ้านอาฮง ตำบลหอคำ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้
กระแสน้ำบริเวณแก่งอาฮงจะไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น
“สะดือแม่น้ำโขง” แม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮงมีความกว้างประมาณ
300 เมตร ในฤดูน้ำลด และมีความกว้าง 400 เมตร ในฤดูน้ำหลาก และจะสามารถมองเห็นแก่งได้ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคมของทุกปี และกลุ่มหินที่
ปรากฎบริเวณแก่งอาฮงจะมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน
เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย
นอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอบึงกาฬและเป็นสถานที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
คือ“บั้งไฟพญานาค” ในช่วงประเพณีออกพรรษา
จะมีนักท่องเที่ยวมาพักเที่ยวชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค บริเวณ บ้านอาฮง เป็นจำนวนมาก จะมีมากในวันขึ้น 15
ค่ำเดือน 11 ที่ปฏิทินไทย กับปฏิทินประเทศ
สปป.ลาวตรงกัน และชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 06.00 – 18.00
วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 06.00 – 18.00
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น